เป็นอีกครั้งที่เกิดเรื่องฉาวในวงการผ้าเหลืองขึ้น หลังจากที่ เจ้าอาวาส ชำแหละพระพุทธรูป ส่งขายร้านรับซื้อของเก่า เบื้องต้นโดยจับแล้ว กลายเป็นข่าวฉาววงการผ้าเหลืองอีกแล้ว หลังจากที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กงไกรลาศ พร้อมผู้นำท้องถิ่น และชาวบ้านรวมกว่า 50 คน บุกเข้าตรวจสอบกุฏิเจ้าอาวาสวัดเนินกระชาย หลังมีชาวบ้านร้องเรียนว่าเจ้าอาวาสรูปดังกล่าวมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม
โดยเฉพาะในช่วงเวลายามวิกาล ชาวบ้านมักได้ยินเสียงอุปกรณ์ตัดเหล็กดัง ทั้งที่ไม่มีคนงานทำงานอยู่ และประตูรั้วของวัดถูกตัดหายไป
เมื่อเจ้าหน้าที่ถึงที่เกิดเหตุก็พบว่า เจ้าอาวาสไม่อยู่วัด คาดว่าไหวตัวทัน เจ้าหน้าที่จึงเข้าไปตรวจสอบภายในกุฏิเจ้าอาวาส เมื่อเข้าไปภายในกุฏิเจ้าหน้าที่ ชาวบ้านถึงกับตะลึง เพราะพบชิ้นส่วนพระพุทธรูปทองเหลืองที่ชาวบ้านนำมาถวายถูกชำแหละ และแบ่งเป็นชิ้น ๆ อุปกรณ์ตัดเหล็ก อยู่บนชั้นสองของกุฏิถูกว่ากองอยู่เต็มพื้นห้องเตรียมนำไปขาย ทั้งยังพบอุปกรณ์เสพยาบ้าในกุฏิเจ้าอาวาสอีกด้วย
นายสมใจ พรมนิล ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 5 ตำบลป่าแฝก เปิดเผยว่า วัดเนินกระชาย มีพระจำวัดเพียงรูปเดียว คือ พระวิโรจน์ พวงขจร หรือ นายวิโรจน์ พวงขจร อายุ 48 ปี เป็นเจ้าอาวาสวัดมานานกว่า 8 ปีแล้ว มีพฤติกรรมไม่เหมะสม ไม่มีพระรูปอื่นอยู่ด้วยได้เลย ชาวบ้านส่วนใหญ่ต้องพาลูกหลานไปอุปสมบทและทำบุญกันที่วัดข้างเคียง เพราะชาวบ้านเสื่อมศรัทธาในตัวเจ้าอาวาสที่จำวัดอยู่ที่วัดแห่งนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ชาวบ้านได้แจ้งไปยังพระผู้ใหญ่ให้ลงมาเจรจา และตรวจสอบพฤติกรรมแล้วแต่ก็ไม่เป็นผล
พันตำรวจเอกสมชาย ชำนิ ผู้กำกับการ สภ.กงไกรลาศ บอกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสะเทือนใจสำหรับชาวพุทธ ซึ่งจากการสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่าพระรูปนี้มีพฤติกรรม ตัดพระพุทธรูปออกเป็นชิ้นส่วนต่าง ๆ จริงตามคำกล่าวอ้าง ตำรวจจึงเร่งติดตามตัวกระทั่งช่วงเย็นวันเดียวกัน (17 ก.พ.) พบตัวพระวิโรจน์ เจ้าอาวาสวัด ที่วัดหนองเตา อำเภอกงไกรลาส จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำ เบื้องต้นรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปสึกกับพระชั้นผู้ใหญ่ และนำตัวไปตรวจปัสสาวะ ปรากฏว่ามีสารเสพติดในร่างกาย จึงแจ้งข้อหาลักทรัพย์และเสพยาเสพติด ก่อนนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
‘ล้างบาปปราบอลัชชี’ ตร. ลุยปราบเงินทอนวัด จับ ‘เจ้าคุณแจ็ค’
ตร. เปิดปฏิบัติการ ‘ล้างบาปปราบอลัชชี’ ลุยปราบเงินทอนวัด จับ ‘เจ้าคุณแจ็ค’ โกงเงินทอนวัดกว่า 110 ล้านบาท พล.ต.ต.จรูญ เกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. ได้นำเจ้าหน้าที่รวมกว่า 60 นาย เปิดปฏิบัติการ “ล้างบาปปราบอลัชชี ทุจริตเงินทอนวัด” และ กระจายกำลังเข้าตรวจค้นเป้าหมาย 5 จุด ในพื้นที่ จ.นครนายก จ.นนทบุรี และ กรุงเทพมหานคร เพื่อตามจับผู้กระทำผิดทุจริตเงินอุดหนุนวัด ของสํานักงานพระพุทธศาสนา รวมถึงตรวจยึดทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำผิด
โดยเป้าหมายสำคัญของการตรวจค้นอยู่ที่กุฏิเจ้าอาวาสวัดเขาทุเรียน ต.เขาพระ อ.เมือง จ.นครนายก ซึ่งเป็นที่จำวัดของพระสิทธิวรนายก หรือ เจ้าคุณแจ๊ค เจ้าอาวาสวัด หรือ อีกตำแหน่งคือรองเจ้าคณะจังหวัดนครนายก
ทั้งนี้เมื่อพบตัว พระสิทธิวรนายกเจ้าหน้าที่จึงแสดงหมายค้นศาลจังหวัดนครนายก เพื่อขอเข้าทำการตรวจค้นหาพยานหลักฐานต่างๆ ภายในกุฏิ ก่อนจะนิมนต์พระสิทธิวรนายก ไปยัง สภ.เมืองนครนายก เพื่อทำการสอบปากคำ พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหา อย่างเป็นทางการ
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังได้นิมนต์ เจ้าอาวาสวัดอื่นๆ ในพื้นที่ จ.นครนายก ที่เกี่ยวข้องอีก 11 วัด มาทำการสอบปากคำยัง สภ.เมืองนครนายก อีกด้วย สำหรับปฏิบัติการดังกล่าวสืบเนื่องจากก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวน บก.ปปป. ได้รับการร้องเรียนให้ดำเนินการตรวจสอบงบอุดหนุนวัดของสํานักงานพระพุทธศาสนา ช่วงระหว่างปี 2550-2559 ของ จ.นครนายก หลังพบความผิดปกติหลายอย่างจนเชื่อได้ว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น จึงลงพื้นที่สืบหาข้อเท็จจริง
จนกระทั่งพบว่า นายนพรัตน์ อดีต ผอ.สํานักงานพระพุทธศาสนา แห่งชาติ ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีทุจริตเงินทอนวัดเคสเก่าที่อยู่ระหว่างหลบหนี พร้อมพวกเจ้าหน้าที่สํานักพุทธฯ ได้ร่วมกับ พระสิทธิวรนายก และเจ้าอาวาสวัดต่างๆ ในพื้นที่ ทุจริตเงินอุดหนุนจากสำนักพุทธ ที่อนุมัติให้วัดต่างๆ ในพื้นที่ จ.นครนายก 12 วัด ในวงเงินงบประมาณ 123 ล้านบาท
โดยหลังจากเจ้าอาวาสแต่ละวัดได้รับเงินอุดหนุนแล้ว ก็จะทำการถอนเงินสดออกมาทั้งหมดแล้วนําไปให้พระสิทธิวรนายก จากนั้นก็จะแบ่งเงินเพียงบางส่วนทอนให้วัดต่างๆ คืนไป โดยอ้างว่าจะต้องเอาเงินส่วนที่เหลือไปมอบให้สํานักพุทธเพื่อนําไปบริจาคให้กับวัดอื่นๆที่ยังขาดแคลนงบประมาณ รวมเงินที่เจ้าอาวาสวัดเขาทุเรียนรวบรวมมาได้ กว่า 110 ล้านบาท ก่อนจะนําเงินไปแบ่งกับ นายนพรัตน์
อย่างไรก็ตามจากการสืบสวนยังพบอีกว่า ทั้ง อดีต ผอ.สํานักงาน พระพุทธศาสนา และ เจ้าอาวาสวัดเขาทุเรียน หลังได้เงินมาแล้วได้นำเงินบางส่วนไปซื้อที่ดินทรัพย์สินต่างๆ จํานวนมาก โดยมีหลักฐานยืนยันชัดเจนแล้วว่า ทั้งคู่ได้กว้านซื้อที่ดินจากชาวบ้านในพื้นที่ จ.นครนายก ที่มีความสนิทกันจํานวน 3 แปลง เนื้อที่รวมกว่า 10 ไร่ มูลค่ารวมประมาณ 18.6 ล้านบาท
โดยให้บุคคลในครอบครัวเป็นผู้ถือกรรมสิทธิแทนในลักษณะอําพรางปกปิด ซึ่งถือว่าเป็นการกระทําที่ส่อไปในทางทุจริต และถือเป็นความผิดอาญาฐานร่วมกันฟอกเงิน จึงนำไปสู่การเปิดปฏิบัติการดังกล่าวในวันนี้ขึ้นมาเพื่อตามตรวจค้นจับกุมและตรวจยึดทรัพย์สินที่ดินเหล่านี้กลับคืนสู่พระพุทธศาสนา
โดยหลังจากนี้ทาง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พร้อมหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องจะมีการจัดแถลงข่าวสรุปผลการปฏิบัติการอย่างละเอียดอีกครั้ง ในเวลาประมาณ 10.00 น.
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป